Wednesday, January 4, 2012

ผม



ตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมมีปัญหากับทรงผมมาตลอด ตั้งแต่สมัยมัธยมต้นที่ต้องตัดผมเกรียน บางทีมันอาจจะเป็นลักษณะของรูปทรงของศรีษะที่มันไม่ค่อยเข้ากันกับการเหลือผมไว้นิดๆด้านหน้า( หรืออาจจะเป็นเทคนิคการตัดที่ไม่เก่งของช่าง) แต่สิ่งนึงที่ผมพอจะเดาได้ถึงความลำบากของการเลือกทรง คือลักษณะของเส้นผม(ของผม)ที่มันตรงเอามากๆ ซึ่งมันก็ฟังดูเหมือนจะเท่ ถ้าเกิดผมจะเปรียบเทียบกับนักดนตรีที่ไว้ผมทรงบ๊อบ หลายๆคนนั้นเท่มาก แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ผมของผมมันไม่ได้ตรงอย่างเดียว แต่มันทั้งตรงและหนา ไม่ค่อยจะพริ้วไหวเหมือนคนอื่นเขา พอเข้าช่วงมัธยมปลาย กฎของโรงเรียนบอกไว้ว่า ผมสามารถตัดรองทรงได้ และแน่นอน ผมก็ถือโอกาสนี้เปลี่ยนทรง แต่ถึงอย่างนั้น ทุกครั้งที่ผมตัดรองทรงมาใหม่ หัวของผมจะมีลักษณะคล้ายกับหมวกแก็ป หรือไม่ก็เห็ดยักษ์ เพราะฉะนั้น ทรงผมที่ผมชอบตัดมากที่สุด คือตัดทรงสกินเฮด


พอหลังจากผมย้ายมาอยู่อเมริกา ความลำบากของผมก็เพิ่มเป็นทวีคูณ การให้อิสระกับผมของผมเป็นการกระทำที่ทำได้ไม่นาน ผมคิดมาตลอดว่าอยากจะไว้ผมยาวเพื่อความเป็นร็อคสตาร์ แต่สิ่งที่ผมลืมนึกไปถึงลักษณะใบหน้าของผมที่มันไม่เข้ากับผมยาว(และไม่เข้ากับการเป็นร็อคสตาร์อย่างมาก) จะพูดกันตรงๆ ผมว่าผมหน้าตาออกไปทางป็อปสตาร์มากกว่า ถ้าเกิดผมควรจะเป็นดาวอะไรซักอย่าง อีกเหตุผลนึงคือว่า เวลาผมผมยาว หัวของผมมันจะฟูอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเวลาวิ่งมาเหนื่อย ถ้าผมของผมโดนลมที่มีความเร็วกว่า10ไมล์ต่อชั่วโมง มันจะพองและทำให้ผมดูตลกขึ้นมากกว่าเดิม แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าที่ผมคิดไว้ แต่ปัญหาที่ทำผมหนักใจไม่หาย คือการตัดผม


ตัดผมที่อเมริกา ถ้าเป็นร้านแบบธรรมดาจะตกประมาณ 20 เหรียญ ถ้าเป็นซาลอนหรือร้านดีๆก็ประมาณ 30เหรียญขึ้นไป(ไม่รวมทิป) เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆที่ผมมาอยู่ ผมจะตัดผมเองโดยใช้แบตเตอเรียนตัดทรงสกินเฮด หรือวันไหนฤกษ์งามยามดี แม่ผมจะอาสาตัดให้  ช่วงแรกๆแม่ของผมเธอให้ความกระตือรือล้นเป็นอย่างมาก ถึงเธอจะมีประสบการ์ณเป็นช่างทำเล็บมาก่อนสมัยอยู่เมืองไทย แต่เธอตัดผมไม่เป็นเลย และด้วยความที่แกเป็นคนที่ใส่จิตวิญญาณลงไปในผลงาน แกจะใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมง ตัดผมผมไปครึ่งหัว บางครั้งบางคราว แกเกิดการเพลี้ยงพล่ำลงมือหนัก แต่ผมก็ไม่เคยโกรธ ผมบอกแกว่า แค่ทำให้มันเท่าๆกัน ให้คนดูไม่ออกก็พอ


ช่วงหลังๆมา ผมได้มีโอกาสไปตัดร้านฝรั่ง แต่สิ่งนึงที่ผมไม่ได้คำนวณมาก่อนในช่วงแรกๆที่ผมมาก็คือ วัฒนธรรมที่แตกต่าง ฝรั่งส่วนใหญ่ ถึงจะจบหลักสูตรการตัดผมมาจากที่ดังๆ จะไม่ค่อยมีประสบการ์ณตัดผมคนเอเชีย โดยเฉพาะผมสตายตรงๆหนาๆ ผมเลยได้ลองผิดลองถูกมาหลายครั้งจนมาพบร้านที่คาดว่าเป็นร้านสตายวัยรุ่นชื่อ Rudy's แต่สิ่งที่ทำให้ผมรำคาณอีก กลับเป็นช่างตัดผมผู้ชายประจำร้านที่ไม่รู้จะคุยไปถึงไหน ธรรมเนียมของฝรั่ง โดยเฉพาะในร้านเสริมสวยต่างๆ อย่างเช้นร้านทำเล็บหรือร้านตัดผม ถึงไม่รู้จักกัน เขาจะต้องหาเรื่องคุยกันเพื่อให้เกิดความเป็นกันเอง เขาจะถามถึงเรื่องส่วนตัว(แบบพอประมาณ) และเขาก็จะเล่าเรื่องส่วนตัว(แบบพอประมาณ)ของเขาให้เราฟัง ซึ่งผม ตอนนั้น์รู้สึกแปลกเป็นอย่างมาก ผมลงเอยได้ตัดประจำกับช่างผมชายไว้ผมทรงโมฮ็อก จริงๆแล้วแกมีอารมณ์ขันและชอบแนะนำเทคนิกที่ผมฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ไม่ว่ายังไง ผมของผมมันก็ออกมาไม่เคยถูกใจเลยซักครั้ง


ผมตัดสินใจไปตัดร้านเอเชียที่คนตัดเป็นคนเอเซียที่เกิดที่นี้ แต่ร้านที่ผมไปเจอ กลับกลายเป็นช่างตัดผมมาราธอน เขาใช้เวลาประมาณ10นาทีในการตัดผม(รวมสระ) ผมไม่เคยเห็นใครตัดผมคนเร็วขนาดนี้มาก่อน ในทางกลับกัน ผลงานที่ออกมาเหมือนกับว่า หัวของผมเป็นเหมือนสนามหญ้าที่แกได้รับจ้างมาให้ตัดเสร็จให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้กลับบ้านไปทำอย่างอื่น ผมมาตัดกับเขาอยู่ประมาณสามครั้ง แล้วก็ไม่ไปอีกเลย มีอยู่ช่วงนึง ผมได้มีโอกาสกลับไปเมืองไทยและได้ไปใช้บริการช่างตัดผมหน้าปากซอย ผมเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น ทันทีที่เห็นผม อาจารย์(มือตัดอันดับหนึ่งของร้านที่หน้าตาคล้ายๆกับพี่โป่ง เดอะซัน แต่ผมไว้สั้น)บอกให้ผมเดินมานั้งแล้วถามผมว่าจะตัดทรงอะไร แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกมา แกสำรวจผมบนหัวของผมเป็นการใหญ่และคอมเมนต์ว่าผมของผมตรงมาก พอได้โอกาส ผมบอกแกว่าผมอยากได้ผมสั้นๆ แต่พอได้ยินดังนั้น แกพูดด้วยเสียงหวานๆว่า " น้องงง ตัดผมสั้นไม่ได้นะ.. มันจะไม่เข้ากับหน้าของน้องงง เดี๋ยวจาร์ยออกแบบให้ " แกลงมือเล็มอยู่ประมาณ2-3นาที แล้วบอกให้ผมไปสระผมแล้วค่อยกลับมาตัดใหม่แบบผมเปียก ในระหว่างที่รอ มีลูกค้าอีกคนเดินเข้ามา แกก็เลยลงมือตัดแบบสองคนในคราวเดียว 


ล่าสุดที่ผมไปใช้บริการ เป็นร้านของช่างเกาหลีที่อยู่ทางตอนเหนือของซีแอตเทิล ผมครุ่นคิดมาตลอด ว่าจริงๆแล้ว ถ้าเกิดผมหันมาไว้ทรงเกาหลีแบบที่วัยรุ่นเขาไว้กัน มันก็อาจจะเป็นทางออกทีดี สำหรับตัวผมเอง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จากที่พี่คนไทยที่เคยไปตัดมาแล้วแนะนำมา ว่าช่างที่นั้นฝีมือดีมากแต่ว่าพูดอังกฤษไม่ได้ ต้องเอารูปไปให้เค้าดู ผมเลยจัดการไปเสิร์ชในกูเกิ้ล หาแบบผมสตายเกาหลี ผมหาอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจนผมถอดใจ มันมีแต่แบบผมฟูๆหยักๆ ที่ไม่ว่าผมดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่ทรงของผู้ชายเลย สุดท้ายผมตัดสินใจ ว่าจะไปเลือกแบบเอาที่ร้าน ทันที่ที่ผมไปถึง ผมตรงไปที่กองหนังสือเพื่อเลือกแบบ แต่ในบรรดาหนังสือที่กองๆอยู่ หนังสือเล่มเดียวที่มีรูปผู้ชาย คือ หนังสือกอฟล์ ผมเกือบจะได้ตัดทรง ไทเกอร์ วูด แต่โชคดีที่ผมไปเจอรูปคนผู้ชายเกาหลีในหนังสือของผู้หญิง ผมเลยเลือกแบบแล้วเอาไปชี้ให้คนตัด ทันที่ที่นั้งลงบนเก้าอี้ จนถึงตอนตัดเสร็จที่เขาวางกรรไกร แกไม่พูดกับผมเลยซักคำ มีแค่พยักหน้าไม่กี่ที ผมที่เริ่มเกิดความเครียดในตอนนั้น พยายามยิ้มหรือชวนคุยให้คนตัดเกิดการรีเร็กซ์ แต่มันก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่ ผมตัดเสร็จ จ่ายตังค์และก็กลับบ้าน แต่นี้มันก็เป็นร้านที่ตัดดีที่สุดที่ผมเคยไปมา

No comments:

Post a Comment